สำนักงานกฎหมาย

นพนภัส

ทนายความเชียงใหม่

เมื่อซื้อสินค้าจากผู้ขายสินค้าแล้ว ไม่ตรงตามที่ต้องการจะทำอย่างไร

เมื่อซื้อสินค้าจากผู้ขายสินค้าแล้ว ไม่ตรงตามที่ต้องการจะทำอย่างไร ซึ่งทางกฎหมายเรียกว่า การสำคัญผิดในคุณสมบัติของทรัพย์สิน

ตามกฎหมายแล้วมีผลตกเป็นโมฆียะ ผู้ซื้อมีสิทธิที่จะบอกเลิกสัญญาซื้อขายนั้นได้ กรณีจะเป็นประการใดนั้น ทนายเชียงใหม่ ขอยกตัวอย่างดังนี้

                ตัวอย่าง นาย เอ ต้องการซื้อที่ดินมีโฉนดเลขที่ ๑๒๓๔ ซึ่งสามารถก่อสร้างโรงงานขนาดใหญ่ได้ หากนาย เอ ทำสัญญาจะซื้อขายที่ดินแล้ว เพิ่งมาทราบภายหลังว่า ที่ดินแปลงดังกล่าวอยู่ในเขตประกาศของกระทรวงมหาดไทยเรื่องห้ามก่อสร้างอาคาร ซึ่งทำให้ไม่สามารถก่อสร้างโรงงานได้ตามต้องการ

ตามกรณีตัวอย่างจะเห็นได้ว่า ผู้ซื้อที่ดินต้องการซื้อที่ดินเพื่อให้ได้ที่ดินมาก่อสร้างโรงงานขนาดใหญ่ แต่ปรากฎว่า ที่ดินที่ตนซื้อนั้น กลับเป็นที่ดินห้ามก่อสร้างโรงงาน ทำให้ไม่ตรงตามความต้องการแต่ต้นที่ตนต้องการซื้อที่ดิน

ทางกฎหมายแล้ว เรียกว่า การสำคัญผิดคุณสมบัติของนิติกรรม

ซึ่งได้บัญญัติไว้ใน “ มาตรา ๑๕๗ การแสดงเจตนาโดยสำคัญผิดในคุณสมบัติของบุคคลหรือทรัพย์สินเป็นโมฆียะ

                ความสำคัญผิดตามวรรคหนึ่ง ต้องเป็นความสำคัญผิดในคุณสมบัติซึ่งตามปกติถือว่าเป็นสาระสำคัญ ซึ่งหากมิได้มีความสำคัญผิดดังกล่าวการอันเป็นโมฆียะนั้นคงจะมิได้กระทำขึ้น”

                ผลของการทำนิติกรรมที่ตกเป็นโมฆียะนั้น ทำให้ผู้ซื้อที่ดินสามารถบอกเลิกสัญญาได้ ผลที่ต้องการทั้งสองฝ่ายต้องกลับคืนสู่ฐานะเดิม กล่าวคือต้องคืนเงินที่ได้รับจากการทำสัญญา เช่น เงินมัดจำ เงินชำระหนี้ และหากมีการส่งมอบที่ดินก็ต้องคืนที่ดินให้อยู่ในสภาพเดิม เป็นต้น  

                ตามตัวอย่าง มีคำพิพากษาของศาลฎีกา

                คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2349/2531

                จำเลยทำสัญญาจะขายที่พิพาทให้โจทก์โดยทราบว่าโจทก์จะซื้อที่พิพาทไปเพื่อสร้างโรงงาน เมื่อจำเลยทราบว่าที่พิพาทอยู่ในเขตประกาศของกระทรวงมหาดไทยเรื่องห้ามก่อสร้างอาคาร แต่ปกปิดข้อเท็จจริงดังกล่าว จึงถือว่าโจทก์แสดงเจตนาโดยสำคัญผิดในคุณสมบัติของทรัพย์ที่จะซื้อซึ่งเป็นสาระสำคัญ สัญญาจะซื้อขายเป็นโมฆียะ เมื่อโจทก์บอกล้างแล้วสัญญาจะซื้อขายจึงเป็นโมฆะมาแต่แรก คู่สัญญาต้องกลับคืนยังฐานะเดิม จำเลยต้องคืนเงินมัดจำให้โจทก์พร้อมดอกเบี้ย.